ทุกสิ่งบนโลกล้วนสัมพันธ์กัน การศึกษากับวัฒนธรรมก็เช่นกัน
การศึกษายุคแรกก็มีจุดศูนย์กลางอยู่ที่วัฒนธรรมและศาสนา สมัยก่อนสถานที่เรียนของเราคือวัด
แต่วันนี้ผมไม่ได้มาพูดถึงวัฒนธรรมในแง่นั้น แต่เป็นค่านิยมในระดับครอบครัว
ซึ่งอาจจะนับได้ว่าเป็น "วัฒนธรรม" ในระดับตัวบุคคลก็ได้
ในแต่ละครอบครัวย่อมมีค่านิยมที่แตกต่างกัน อย่างคนไทยสมัยก่อนก็นิยมให้ลูกเป็นข้าราชการ
ดั่งสํานวน "สิบพ่อค้าไม่เท่าพระยาเลี้ยง" ซึ่งหมายความว่าอาชีพทางการค้าสู้รับราชการไม่ได้
เพราะเป็นพ่อค้าย่อมมีวันขาดทุน ในขณะที่ข้าราชการมีผู้คอยจุนเจือโดยตลอด
เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป คนเริ่มมองที่เงินเดือนมากกว่า ค่านิยมจึงเปลี่ยน พ่อแม่อยากให้ลูกเป็นหมอ
หรือวิศวกร เพราะเชื่อกันว่าเงินดีและมีชีวิตที่สุขสบายในบั่นปลาย
นอกจากนี้บางครอบครัวยังมีค่านิยมว่าวิชานั้นดีกว่าวิชานี้ เช่นบางบ้านเชื่อว่าคณิตศาสตร์สําคัญที่สุด
จึงทุ่มเทไปกับคณิตศาสตร์อย่างเดียว และสอนให้เด็กละเลยวิชาอื่น
เรื่องแบบนี้เคยเกิดขึ้นกับผู้เขียนมาแล้ว โดยตัวผมถูกบังคับให้เรียนพิเศษวิชานี้แทบทุกวัน
เพราะครอบครัวหวังจะให้เป็นพื้นฐานในการทําบัญชี (ซึ่งเอาจริงๆ แล้วตัวผมก็ไม่ได้สนใจในด้านนี้เลย)
และผลที่เกิดกับผู้เขียนคือตัวเองยิ่งเกลียดวิชานี้ จากทีเกลียดอยู่แล้ว ยิ่งเกลียดมากกว่าเดิมเป็นทวีคูณ
ดังนั้นผมจึงอยากฝากถึงบรรดาผูปกครองว่า อย่าพยายามลิขิตชีวิตเขาด้วยค่านิยมของคุณหรือของใตร
จงอย่าเป็นผู้ชี้นํา ครอบงําเขาด้วยความคิดของคุณ แต่ขอให้คุณเข้าใจเขา และร่วมเดินทางไปกับเขา
เคียงข้างเขาในเส้นทางที่เขาเลือกเดินเถิดนะครับ