เคยคิดกันบ้างไหมว่าความคิดสร้างสรรค์ในวัยเด็กเราหายไปไหน?
เราต้องกลับไปคิดว่า มันเริ่มหายไปตอนไหน? เราต้องย้อนกลับไปดูชีวิตพวกเราตั้งแต่ตอนยังเล็กๆ
เราทุกคนต้องเคยโดนคำถามสุดคลาสสิคคําถามหนึ่งว่า "โตขึ้นอยากเป็นอะไร?"
แต่ที่จริงแล้วเรากลับต้องคิดว่าจะตอบยังไงให้ถูกใจคนรอบข้าง มากกว่าที่จะตอบตามความเป็นจริง
นี้คือวินาทีที่ตัวตนของพวกเราถูกกดลง เพื่อตอบสนองความคาดหวังของผู้อื่น
ใช่ว่าสิ่งที่คนรอบข้างคาดหวังให้เราทำ กับสิ่งที่เราอยากทําจะเหมือนกัน และไม่ใช่ทุกคนที่จะเข้าใจความฝันของเรา
หากลองมานั่งคิดดูกันจริงๆ แล้ว การถูกคาดหวังมากเกินไป ก็อาจจะนํามาซึ่งการถูกตีกรอบทางความคิดได้เช่นกัน และจะแย่ยิ่งขึ้นหากคุณอยู่ในสภาวะกดดัน ไม่ว่าจะโดยคำพูด การกระทํา หรือแนวทางอื่น
เช่น การถูกบังคับ ปลูกฝังให้เชื่อในส่งใดสิ่งหนึ่ง เช่นว่า ต้องสนใจแต่ตั้งใจเรื่องเรียนเท่านั้น
เพื่อจะได้เข้ามหาลัยดีๆ ดังๆ แต่จุดหมายปลายทางของการศึกษามีแค่นี้จริงๆ หรือ?
คุณจะมั่นใจได้อย่างไรว่างานที่คุณทําในอนาคตจะตอบโจทย์ตัวคุณ?
ความต้องการเรียนจบด้วยคะแนนสูงๆ เพื่อหวังว่าจะทํางานที่ดี มีตําแหน่งสูงๆ
ปฎิเสธไม่ได้ว่าทุกคนก็ต้องมีความคิดเช่นนี้อยู่บ้าง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะได้ทําตามสิ่งที่ฝัน
บ้างคนนั้นเจอทั้งคำดูถูกและเสียงก่นด่าจากคนรอบข้าง โดยใช้คะแนนในระบบการศึกษามาตัดสิน
คุณคิดว่าคุณภาพของคนเรานั้นอยู่ที่คะแนนเหล่านั้นจริงๆ หรือ?
บ้างครั้งเราก็ให้ความสำคัญกับคนอื่นมากเกินไป จนหลงลืมความใฝ่ฝันวัยเด็กของตัวเราเสียเอง
ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการเลี้ยงของแต่ละครอบครัวด้วย บางครอบครัวนั้นตีกรอบให้ลูกตั้งแต่ยังเล็ก
เลี้ยงลูกเหมือนดั่งของประดับ บ้างเลื้ยงลูกแบบเป็นเพื่อน บางบ้านนั้นก็พร้อมสนับสนุนลูกเสมอ
สุดท้ายนี้ขอฝากไว้ว่าไม่ว่าครอบครัวของคุณจะเป็นแบบไหน คนที่กําหนดอนาคตได้ก็คือตัวคุณเอง
จงเชื่อมั่นในตัวเอง และทุ่มเทให้กับสิ่งที่คุณรัก